ข้อเสียต่อตนเอง
·
ร่างกาย : ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
ปวดหัว อ่อนเพลีย
·
พัฒนาการ(ในเด็ก)
: พัฒนาการที่ดีนั้นต้องอาศัยปัจจัยกระตุ้นหรือปัจจัยส่งเสริมในหลายๆ
ด้าน เช่น โภชนาการ
การเล่น การมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การออกกำลังกาย โดยที่การเล่นเกมแต่เพียงอย่างเดียวจะทำให้ได้สิ่งเหล่านี้ไม่ครบและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการของเด็กได้
·
จิตใจ: ในเด็กอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นได้
และอาจมีอารมณ์หงุดหงิด มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
หรือไม่พอใจหากไม่ได้เล่นเกมตามที่ตนต้องการ
ต่อครอบครัว : อาจก่อให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
การปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวลดน้อยลงทำให้เกิดความเหินห่าง
ต่อสังคม : ส่งผลกระทบต่อการเรียนและการทำงาน
ส่วนสำคัญที่สุดในการป้องกันปัญหาเด็กติดเกม
คือ การตั้งกติกาก่อนเล่นเกมครั้งแรก
คือ ก่อนที่จะซื้อเกมหรืออนุญาตให้เด็กเล่นเกมครั้งแรก
ควรตั้งกติกากันก่อนว่าจะให้เล่นได้กี่ชั่วโมง
หรือ จะให้เล่นได้เฉพาะในวันไหนบ้าง เพราะการมาตั้งกติกากันทีหลังเมื่อเด็กติดเกมไปแล้วเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก
อย่างไรก็ตามหากเด็กหรือผู้ปกครองรู้จักเลือกประเภทและแบ่งเวลาในการเล่นเกมให้เหมาะสม
ก็อาจจะได้รับประโยชน์อยู่บ้าง เช่น
ได้รับความสนุกเพลิดเพลิน ได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
ได้ช่วยในเรื่องการวางแผน หรือส่งเสริมทักษะด้านภาษา
แต่ผู้ปกครองหรือผู้เล่นเกมก็ควรตระหนักอยู่เสมอว่า
ทักษะต่างๆเหล่านี้ก็สามารถที่จะได้รับการพัฒนาโดยวิธีอื่นๆ
อีก เช่น กิจกรรมสันทนาการ
กีฬา ดนตรี เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้ปกครองก็ต้องคอยดูแลและสังเกตพฤติกรรมการเล่นเกมของเด็กว่าเริ่มเล่นเกมมากเกินไปจนเกิดการติดแล้วหรือยัง
เพื่อที่จะช่วยเหลือและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนเกิดปัญหาหรือผลเสียที่กล่าวไป
วิธีการแก้ปัญหา
1.
ผู้ช่วยเหลือควรจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กก่อนเริ่มการปรับพฤติกรรม
2.
วิธีที่ดีที่สุด คือ
การตกลงกติกากันให้ชัดเจนก่อนอนุญาตให้เด็กเล่นเกม
3.
ควรเอาจริงเอาจังกับข้อตกลงหรือกติกาที่ได้ตั้งไว้
4.
สร้างแรงจูงใจในการเลิกให้กับเด็ก
เช่น หากกำลังปรับลดชั่วโมงการเล่นเกม
ก็ควรหากิจกรรมที่น่าสนใจมาทดแทนการเล่นเกมทันที
และถ้าเด็กทำได้ก็ควรชม /ให้กำลังใจ
หรือให้รางวัล
5.
ค่อยๆปรับพฤติกรรมทีละน้อย
แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สม่ำเสมอ
6.
หากมีข้อสงสัยควรขอคำแนะนำจากจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก Website เช่นhttp://www.healthygamer.net/
7.
ปัญหาเด็กติดเกมนั้นสามารถป้องกันและแก้ไขได้ซึ่งผู้ปกครองต้องใช้ความเข้าใจและความอดทน
โดยไม่ว่าเด็กจะใช้เทคโนโลยีอะไรก็ควรให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด
เพราะนอกจากเทคโนโลยีจะมีประโยชน์แล้ว หากใช้ไม่เหมาะสม
ก็ให้โทษได้เช่นกัน